14 นาฬิกาไฮไลท์ในงาน Central International Watch Fair 2011


1.MAURICE LACROIX-Masterpiece Roue Carree Seconds
กลไกที่มีความยุ่งยากซับซ้อนโดยการพัฒนากลไกวงล้อสี่เหลี่ยมครั้งแรกในประวัติศาสตร์
โดยหลักการที่สำคัญในการออกแบบคือการกำหนดให้รูปร่างของฟันเฟืองส่งผ่านพลังงาน
ได้อย่างคงที่ ตัวเรือนทรงกลม คู่พื้นหน้าปัดมีให้เลือกทั้งสีดำและโรเดียม แสดงเวลาแบบ
2 เข็มกลางหน้าปัดโดดเด่นด้วยการแสดงค่าวินาทีผ่านเฟืองสี่เหลี่ยมกับวงกลมที่ทำงาน
ประสานกัน ซึ่งแต่ละซี่ของฟันเฟืองเท่ากับเวลา 1 วินาที

2.MAITRES DU TEMPS-Chapter
“แชปเตอร์ ทู” เกิดจากการผสมผสานกันของช่างทำนาฬิกาที่เป็นปรมาจารย์และมีประสบ
การณ์สูงทั้ง Mr.Daniel Roth (แดเนียล รอธ) และ Mr. Peter Speake-Marin (ปีเตอร์ สปีค
-มาแร็ง) ตัวเรือนรูปทรงถังเบียร์ (tonneau) หน้าปัดนาฬิกาเป็นการรวมตัวกันของหน้าต่าง
บอกวันที่ และการบอกวันประจำสัปดาห์และเดือนแบบ แบบ triple calendar ในตัวเรือน
เดียวกันรูปแบบที่แตกต่างซึ่งไม่มีนาฬิกาเรือนใดในโลกเคยปรากฎมาก่อน โดยมีสรีระศาสตร์
รูปทรงเหมือนใบพายของ pusher ที่ด้านหลังของเรือนนาฬิกา ผลิตจากทองคำขาว 18k

3.BLANCPAIN-L-evolution Moon Phase.
นาฬิกาสปอร์ต ตัวเรือนเร้ดโกลขนาด 43.5 มม. มาพร้อมตัวเลขขนาดใหญ่ เคลือบสาร
เรืองแสงซุปเปอร์ลูมิโนวา ทำให้อ่านเวลาได้ง่าย เพิ่มกลไกกลไกมูนเฟส สำรองเวลาได้
นานถึง 8 วัน สายหนังจระเข้เคลือบด้วยยางเพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้น

4.PARMIGIANI-Tonic Tourbillon Chronograph
อีกหนึ่งผลงานที่น่าภาคภูมิใจจากพามิเจียนี่ที่นำมาแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ผลงานชิ้นนี้เปรียบเสมือนประจักษ์พยานอย่างดีที่แสดงถึงฉายาที่ Mr. Michel
Parmigiani ได้รับการยกย่องให้ เป็น Golden Hands ในวงการอุตสาหกรรม
ผลิตนาฬิกา ศิลปะการประดิษฐ์ชั้นสูงถูกถ่ายทอดลงบนเรือนเวลาอย่างวิจิตร
บรรจงบนตัวเรือนทองคำขาว 18 กะรัต ขอบตัวเรือน3ชั้นขัดแต่งลวดลายอย่าง
สวยงามเพิ่มความหรูหราด้วยหน้าปัดสีทองตรงกลางขัดแต่งลวยลายแบบ
Côte de Genèva (โก้ท เดอ เจนีวา)มาพร้อมฟังชั่นพิเศษคือการนำกลไก
ทูร์บิญองอันสะท้อนความเที่ยงตรงแม่นยำ รวมเข้ากับฟังก์ชั่นการ
ทำงานระบบโครโนกราฟไว้ด้วยกัน

5.Harry Winston-Rosebud
โรสบัด ตัวเรือนทองคำขาวขนาด 27มม ประดับเพชรทรงกลม 126 เม็ด น้ำหนัก
2 กะรัต และเพชรทรงบาแกตต์ 16 เม็ด น้ำหนัก 1.8 กะรัต ออกแบบอย่างประณีตบรรจง
ด้วยดีไซน์กลีบดอกไม้ ล้อมวงประดับเพชรน้ำงามทรงแพร์คัท 26 เม็ด น้ำหนัก 2.9 กะรัต
น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 6.9 กะรัต โรสบัดเรือนนี้มาพร้อมความพิเศษที่ใช้เป็นเครื่องประดับใน
หลากรูปแบบทั้งจี้บอกเวลาทรงเสน่ห์คล้องสายสร้อยคอทองคำขาว หรือใช้แทนเข็มกลัด
ประดับเสื้อ หรือเปลี่ยนโฉมเป็นเรือนเวลาบนข้อมือพร้อมสายผ้าซาตินสีดำ มาพร้อมกล่อง
ดนตรี เรอร์จ (Reuge) สีดำแลกเกอร์สำหรับจัดเก็บ จำหน่ายในราคา 4,022,000 บาท

6.TAG HEUER-Grand Carrera
แทค ฮอยเออร์ แกรนด์ คาร์เรรา 'นาฬิการะดับพรีเมี่ยม' กับกลไกที่ทันสมัย "คาลิเบอร์
36 อาร์เอส คาลิเปอร์ โครโนกราฟ" ด้วยกลไก Rotating System ซึ่งเป็นกลไกออโตเมติก
ตัวแรกของโลก ฉีกกฏเกณฑ์งานดีไซน์และฟังค์ชั่นนาฬิกาแบบเดิมๆ

-------------------------------------------------------------------------------------------------


1.PIAGET-Limelight Kanthara
ตัวเรือนและสาย: ประดับเพชรบาแก็ตต์และเพชรเจียระไนทรงมรกต 183 เม็ด
(น้ำหนักราว 51.77 กะรัต) หน้าปัด ประดับเพชรบาแก็ตต์ 183 เม็ด (น้ำหนักราว
3.03 กะรัต) รวม 366 เม็ด น้ำหนักเพชรทั้งสิ้นประมาณ 54.8 กะรัต ผลิตจากทอง
คำขาว กลไกไขลานด้วยมือบางพิเศษ

2.FRANCK MULLER-Double Mystery Four Seasons
นาฬิกาที่มีความสว่างไสว เจิดจรัส เพชรน้ำงาม และพลอยหลากสีได้ถูกนำมาใช้
ประดับตกแต่งตัวเรือนและหน้าปัด เพื่อสร้างสรรค์เฉดสีทั้งสี่ที่มีความกลมกลืนรับกัน
โดยแต่ละเฉดนั้นสื่อถึงความเป็นไปในแต่ละฤดูกาล

3.CORUM-Golden Bridge Automatic
สุดยอดจักรกลอัจฉริยะผสานศาสตร์และศิลป์บนเรือนเวลา ได้ผสมผสานความ
สง่างามอย่างลงตัวของระบบไขลานอัตโนมัติรุ่นแรกของโลก ที่ใช้ระบบเฟืองรูป
สี่เหลี่ยมจ่ายพลังงานแนวตั้งสู่สะพานทองคำติดตั้งอยู่บนชุดกลไก CO-313 ครบ
ครันด้วยฟังก์ชั่นแสดงเวลาชั่วโมง นาที ตัวเรือนทรงตอนโนทำจากทองคำขาว
18 กะรัต หน้าปัดสีดำ กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ด้านหลังตัวเรือนเผยให้เห็นกลไก
การทำงานในแนวตั้งสำรองพลังงานได้นาน 40 ชั่วโมง ผลิตจำนวนจำกัดทั่วโลก
ประเทศไทยได้รับสิทธิพิเศษเพียง 5 เรือน

4.OMEGA-Seamaster Aqua Terra.
ตัวเรือนขนาด 30 มม. ทำจากเรดโกลล์ หน้าปัดเปลือกหอยมุกลายไม้สักสีขาว
ประดับด้วยเพชร 11 เม็ด 0.19 กะรัต พร้อมขอบตัวเรือนล้อมเพชรจำนวน 44
เม็ด 0.77 กะรัต กลไกลขับเคลื่อนด้วย โค แอ็กเซียล เอสเคปเมนท์ เพื่อความ
เสถียรในความเที่ยงตรงและความทนทานที่ยอดเยี่ยมกว่า

5.HERMES-H-our
นาฬิการุ่นเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็น Hermes มากที่สุด กับตัวเรือนในรูป
ทรงสัญลักษณ์ตัว "H" นาฬิกา H-our ออกแบบครั้งแรกตั้งแต่ปี 1996 และในปี
นี้ได้รับการปรับโฉมหน้าปัดใหม่ โดยยังคงเอกลักษณ์ตัวเรือน "H" ไว้เช่นเดิม
จับคู่มากับสายแบบ Interchangable รูปแบบใหม่มีความพิเศษคือ สามารถ
ถอดเปลี่ยนสายเองได้อย่างง่ายดายตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล ขนาด 26
มิลลิเมตร ประดับด้วยเพชรน้ำงามแบบ full cut diamonds ระดับ Top
Wesselton V.V.S “Extra White” to “Plus Extra White” จำนวน 72 เม็ด
(น้ำหนักรวม1.03 กะรัต) รับกับหน้าปัดมุกแวววาวเจิดจรัส ที่ประดับด้วยเพชร
น้ำงามบริเวณตำแหน่งบอกเวลาอีก 11 เม็ด สายนาฬิกาหนังจระเข้สีราสเบอร์รี่

6.GUCCI 1921
นาฬิการุ่นพิเศษ ฉลองที่แฟชั่นแบรนด์ระดับโลกกุชชี่ มีอายุครบ 90 ปี ในปี 2011
นี้ ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมให้ look วินเทจ สาย18K Yellow gold และหนังจระเข้

7.SARCAR-Le Carrousel
ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ ประดับเพชรเดี่ยวทรงกลมที่สามารถหมุนไป
มาได้อย่างอิสระ ลงบนหน้าปัดเปลือกหอยมุกแทนตำแหน่งบอกเวลาทั้งหมด
12 เม็ด หนัก 6.05 กะรัต ส่องประกายแวววาว สะกดทุกสายตาเพียงแค่คุณ
ขยับข้อมือ ตัวเรือนทำจากทองคำขาวประดับเพชรรอบขอบตัวเรือนหนัก 7.71
กะรัต รวมน้ำหนักเพชรทั้งหมด 13.76 กะรัต ประกอบเข้ากับสายหนังจระเข้
แบบ 2 ด้านอย่างดี และตัวพับล็อกสายที่ทำจากทองคำขาวเช่นเดียวกัน มีเพียง
1 เรือนในประเทศไทยเท่านั้น

8.PERRELET-Turbine XS
Sparkling and Mischievous
Exclusivity Perrelet Automatic Movement Double Rotor
Turbine design, White MOP, 286 Diamonds (3.22 ct),
เปล่งประกายโดดเด่น แฝงด้วยความซุกซน
ระบบกลไกอัตโนมัติ โรโต้ คู่ ลิขสิทธิ์เฉพาะของเพอร์ราเรท
ออกแบบโรโต้หน้าเป็นใบพัด หน้าปัดมุขสีขาว ประดับเพชร 286 เม็ด
รวม 3.22 กะรัต มาพร้อมสายซาตินสีขาว


ขอบคุณข้อมูลจาก ย่าดา
http://www.oknation.net/blog/dada/2011/08/26/entry-1