Central MIDNIGHT SALE 1 - 6 ก.ย. 2554

Central MIDNIGHT SALE ช้อปก่อนใคร! ตั้งแต่ 1 - 6 ก.ย. 2554

เปิดฉากตำนานช้อปบทใหม่! ส่งตรงเทรนด์ล่าสุดลดฉลองการกลับมาของห้างที่เรารัก

ลด 15 – 30% ทั้งห้างคอลเลคชั่นใหม่

ลด 30 – 70% สินค้าคุณภาพ

แลกรับจากบัตรเครดิตลดเพิ่มสูงสุด 20%

รับเพิ่มเงินเครดิตคืน 15%

ลุ้น! Central Gift Card 1,131 รางวัล ทุก 1,500.- รวม 2,266,000.- + ช้อปลาดพร้าวลุ้นเพิ่ม SF Movie Gift Card 630 รางวัล รวม 1,008,000.-

Showcase Central Ladprao The One & Only
We Miss U

1-4 ก.ย. ด้วยความคิดถึงจึงรีบกลับมา!
เหล่าซุปตาร์ แฟชั่นนิสต้า หนุ่ม-สาวรันเวย์ มาร่วมมอบความสุขแทนความคิดถึง เพื่อคนรักเซ็นทรัลลาดพร้าว
นับจากนี้ไป ทุกความสุขจะแจ้งเกิดที่นี่


เซ็นทรัลทุกสาขา และฉลองใหญ่เซ็นทรัลลาดพร้าว
* โปรดตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มเติม ณ จุดขาย

14 นาฬิกาไฮไลท์ในงาน Central International Watch Fair 2011


1.MAURICE LACROIX-Masterpiece Roue Carree Seconds
กลไกที่มีความยุ่งยากซับซ้อนโดยการพัฒนากลไกวงล้อสี่เหลี่ยมครั้งแรกในประวัติศาสตร์
โดยหลักการที่สำคัญในการออกแบบคือการกำหนดให้รูปร่างของฟันเฟืองส่งผ่านพลังงาน
ได้อย่างคงที่ ตัวเรือนทรงกลม คู่พื้นหน้าปัดมีให้เลือกทั้งสีดำและโรเดียม แสดงเวลาแบบ
2 เข็มกลางหน้าปัดโดดเด่นด้วยการแสดงค่าวินาทีผ่านเฟืองสี่เหลี่ยมกับวงกลมที่ทำงาน
ประสานกัน ซึ่งแต่ละซี่ของฟันเฟืองเท่ากับเวลา 1 วินาที

2.MAITRES DU TEMPS-Chapter
“แชปเตอร์ ทู” เกิดจากการผสมผสานกันของช่างทำนาฬิกาที่เป็นปรมาจารย์และมีประสบ
การณ์สูงทั้ง Mr.Daniel Roth (แดเนียล รอธ) และ Mr. Peter Speake-Marin (ปีเตอร์ สปีค
-มาแร็ง) ตัวเรือนรูปทรงถังเบียร์ (tonneau) หน้าปัดนาฬิกาเป็นการรวมตัวกันของหน้าต่าง
บอกวันที่ และการบอกวันประจำสัปดาห์และเดือนแบบ แบบ triple calendar ในตัวเรือน
เดียวกันรูปแบบที่แตกต่างซึ่งไม่มีนาฬิกาเรือนใดในโลกเคยปรากฎมาก่อน โดยมีสรีระศาสตร์
รูปทรงเหมือนใบพายของ pusher ที่ด้านหลังของเรือนนาฬิกา ผลิตจากทองคำขาว 18k

3.BLANCPAIN-L-evolution Moon Phase.
นาฬิกาสปอร์ต ตัวเรือนเร้ดโกลขนาด 43.5 มม. มาพร้อมตัวเลขขนาดใหญ่ เคลือบสาร
เรืองแสงซุปเปอร์ลูมิโนวา ทำให้อ่านเวลาได้ง่าย เพิ่มกลไกกลไกมูนเฟส สำรองเวลาได้
นานถึง 8 วัน สายหนังจระเข้เคลือบด้วยยางเพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้น

4.PARMIGIANI-Tonic Tourbillon Chronograph
อีกหนึ่งผลงานที่น่าภาคภูมิใจจากพามิเจียนี่ที่นำมาแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ผลงานชิ้นนี้เปรียบเสมือนประจักษ์พยานอย่างดีที่แสดงถึงฉายาที่ Mr. Michel
Parmigiani ได้รับการยกย่องให้ เป็น Golden Hands ในวงการอุตสาหกรรม
ผลิตนาฬิกา ศิลปะการประดิษฐ์ชั้นสูงถูกถ่ายทอดลงบนเรือนเวลาอย่างวิจิตร
บรรจงบนตัวเรือนทองคำขาว 18 กะรัต ขอบตัวเรือน3ชั้นขัดแต่งลวดลายอย่าง
สวยงามเพิ่มความหรูหราด้วยหน้าปัดสีทองตรงกลางขัดแต่งลวยลายแบบ
Côte de Genèva (โก้ท เดอ เจนีวา)มาพร้อมฟังชั่นพิเศษคือการนำกลไก
ทูร์บิญองอันสะท้อนความเที่ยงตรงแม่นยำ รวมเข้ากับฟังก์ชั่นการ
ทำงานระบบโครโนกราฟไว้ด้วยกัน

5.Harry Winston-Rosebud
โรสบัด ตัวเรือนทองคำขาวขนาด 27มม ประดับเพชรทรงกลม 126 เม็ด น้ำหนัก
2 กะรัต และเพชรทรงบาแกตต์ 16 เม็ด น้ำหนัก 1.8 กะรัต ออกแบบอย่างประณีตบรรจง
ด้วยดีไซน์กลีบดอกไม้ ล้อมวงประดับเพชรน้ำงามทรงแพร์คัท 26 เม็ด น้ำหนัก 2.9 กะรัต
น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 6.9 กะรัต โรสบัดเรือนนี้มาพร้อมความพิเศษที่ใช้เป็นเครื่องประดับใน
หลากรูปแบบทั้งจี้บอกเวลาทรงเสน่ห์คล้องสายสร้อยคอทองคำขาว หรือใช้แทนเข็มกลัด
ประดับเสื้อ หรือเปลี่ยนโฉมเป็นเรือนเวลาบนข้อมือพร้อมสายผ้าซาตินสีดำ มาพร้อมกล่อง
ดนตรี เรอร์จ (Reuge) สีดำแลกเกอร์สำหรับจัดเก็บ จำหน่ายในราคา 4,022,000 บาท

6.TAG HEUER-Grand Carrera
แทค ฮอยเออร์ แกรนด์ คาร์เรรา 'นาฬิการะดับพรีเมี่ยม' กับกลไกที่ทันสมัย "คาลิเบอร์
36 อาร์เอส คาลิเปอร์ โครโนกราฟ" ด้วยกลไก Rotating System ซึ่งเป็นกลไกออโตเมติก
ตัวแรกของโลก ฉีกกฏเกณฑ์งานดีไซน์และฟังค์ชั่นนาฬิกาแบบเดิมๆ

-------------------------------------------------------------------------------------------------


1.PIAGET-Limelight Kanthara
ตัวเรือนและสาย: ประดับเพชรบาแก็ตต์และเพชรเจียระไนทรงมรกต 183 เม็ด
(น้ำหนักราว 51.77 กะรัต) หน้าปัด ประดับเพชรบาแก็ตต์ 183 เม็ด (น้ำหนักราว
3.03 กะรัต) รวม 366 เม็ด น้ำหนักเพชรทั้งสิ้นประมาณ 54.8 กะรัต ผลิตจากทอง
คำขาว กลไกไขลานด้วยมือบางพิเศษ

2.FRANCK MULLER-Double Mystery Four Seasons
นาฬิกาที่มีความสว่างไสว เจิดจรัส เพชรน้ำงาม และพลอยหลากสีได้ถูกนำมาใช้
ประดับตกแต่งตัวเรือนและหน้าปัด เพื่อสร้างสรรค์เฉดสีทั้งสี่ที่มีความกลมกลืนรับกัน
โดยแต่ละเฉดนั้นสื่อถึงความเป็นไปในแต่ละฤดูกาล

3.CORUM-Golden Bridge Automatic
สุดยอดจักรกลอัจฉริยะผสานศาสตร์และศิลป์บนเรือนเวลา ได้ผสมผสานความ
สง่างามอย่างลงตัวของระบบไขลานอัตโนมัติรุ่นแรกของโลก ที่ใช้ระบบเฟืองรูป
สี่เหลี่ยมจ่ายพลังงานแนวตั้งสู่สะพานทองคำติดตั้งอยู่บนชุดกลไก CO-313 ครบ
ครันด้วยฟังก์ชั่นแสดงเวลาชั่วโมง นาที ตัวเรือนทรงตอนโนทำจากทองคำขาว
18 กะรัต หน้าปัดสีดำ กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ด้านหลังตัวเรือนเผยให้เห็นกลไก
การทำงานในแนวตั้งสำรองพลังงานได้นาน 40 ชั่วโมง ผลิตจำนวนจำกัดทั่วโลก
ประเทศไทยได้รับสิทธิพิเศษเพียง 5 เรือน

4.OMEGA-Seamaster Aqua Terra.
ตัวเรือนขนาด 30 มม. ทำจากเรดโกลล์ หน้าปัดเปลือกหอยมุกลายไม้สักสีขาว
ประดับด้วยเพชร 11 เม็ด 0.19 กะรัต พร้อมขอบตัวเรือนล้อมเพชรจำนวน 44
เม็ด 0.77 กะรัต กลไกลขับเคลื่อนด้วย โค แอ็กเซียล เอสเคปเมนท์ เพื่อความ
เสถียรในความเที่ยงตรงและความทนทานที่ยอดเยี่ยมกว่า

5.HERMES-H-our
นาฬิการุ่นเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็น Hermes มากที่สุด กับตัวเรือนในรูป
ทรงสัญลักษณ์ตัว "H" นาฬิกา H-our ออกแบบครั้งแรกตั้งแต่ปี 1996 และในปี
นี้ได้รับการปรับโฉมหน้าปัดใหม่ โดยยังคงเอกลักษณ์ตัวเรือน "H" ไว้เช่นเดิม
จับคู่มากับสายแบบ Interchangable รูปแบบใหม่มีความพิเศษคือ สามารถ
ถอดเปลี่ยนสายเองได้อย่างง่ายดายตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล ขนาด 26
มิลลิเมตร ประดับด้วยเพชรน้ำงามแบบ full cut diamonds ระดับ Top
Wesselton V.V.S “Extra White” to “Plus Extra White” จำนวน 72 เม็ด
(น้ำหนักรวม1.03 กะรัต) รับกับหน้าปัดมุกแวววาวเจิดจรัส ที่ประดับด้วยเพชร
น้ำงามบริเวณตำแหน่งบอกเวลาอีก 11 เม็ด สายนาฬิกาหนังจระเข้สีราสเบอร์รี่

6.GUCCI 1921
นาฬิการุ่นพิเศษ ฉลองที่แฟชั่นแบรนด์ระดับโลกกุชชี่ มีอายุครบ 90 ปี ในปี 2011
นี้ ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมให้ look วินเทจ สาย18K Yellow gold และหนังจระเข้

7.SARCAR-Le Carrousel
ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ ประดับเพชรเดี่ยวทรงกลมที่สามารถหมุนไป
มาได้อย่างอิสระ ลงบนหน้าปัดเปลือกหอยมุกแทนตำแหน่งบอกเวลาทั้งหมด
12 เม็ด หนัก 6.05 กะรัต ส่องประกายแวววาว สะกดทุกสายตาเพียงแค่คุณ
ขยับข้อมือ ตัวเรือนทำจากทองคำขาวประดับเพชรรอบขอบตัวเรือนหนัก 7.71
กะรัต รวมน้ำหนักเพชรทั้งหมด 13.76 กะรัต ประกอบเข้ากับสายหนังจระเข้
แบบ 2 ด้านอย่างดี และตัวพับล็อกสายที่ทำจากทองคำขาวเช่นเดียวกัน มีเพียง
1 เรือนในประเทศไทยเท่านั้น

8.PERRELET-Turbine XS
Sparkling and Mischievous
Exclusivity Perrelet Automatic Movement Double Rotor
Turbine design, White MOP, 286 Diamonds (3.22 ct),
เปล่งประกายโดดเด่น แฝงด้วยความซุกซน
ระบบกลไกอัตโนมัติ โรโต้ คู่ ลิขสิทธิ์เฉพาะของเพอร์ราเรท
ออกแบบโรโต้หน้าเป็นใบพัด หน้าปัดมุขสีขาว ประดับเพชร 286 เม็ด
รวม 3.22 กะรัต มาพร้อมสายซาตินสีขาว


ขอบคุณข้อมูลจาก ย่าดา
http://www.oknation.net/blog/dada/2011/08/26/entry-1

Central International Watch Fair 2011 ถึง 27 ก.ย. 54 รวมแบรนด์กว่า 180 นาฬิกาหรูระดับโลก

งาน Central International Watch Fair 2011 งานนาฬิกาสุดยิ่งใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม 2554 นาฬิกาฝังเพชร ประดับทอง สุดยอดนาฬิกาแบรนด์หรู


ห้างเซ็นทรัล พร้อมจัดงานสุดยอดมหกรรมนาฬิกาแห่งภูมิภาคเอเชียประจำปี ในงาน “Central International Watch Fair 2011” รวบรวมนาฬิกาหรูระดับโลก กว่า 180 แบรนด์ รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท มาจำหน่าย ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม ระหว่างวันที่ 24 ส.ค. - 27 ก.ย. 54 พร้อมเปิดตัวนาฬิกาล้ำค่าเรือนไฮไลท์ “เพียเจต์ ไลม์ไลท์ กันดารา” มูลค่า 62 ล้านบาท เจิดจรัสบนข้อมือ “คุณหญิงแมงมุม” ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล เคียงข้างคู่หมั้น “นายพลดอลลาร์” พล.ต.พัชร รัตตกุล สวมแบรนด์หรู “ซาการ์ เลอ คารูเซล” มูลค่า 12.7 ล้านบาท ขณะที่ดาราฮอต “ชมพู่-อารยา” สวมเรือนเด่น “แฟรงค์ มูลเลอร์ ดับเบิ้ล มิสทรี โฟร์ซีซั่น” มูลค่า 3.2 ล้านบาท ควงคู่พระเอกหนุ่ม “พอร์ช-ศรัณย์” สวมนาฬิกา “โฆรุ่ม โกลด์เด้น บริดจ์ ออโตเมติก” มูลค่า 2.1 ล้านบาท

ห้างเซ็นทรัลเป็นผู้ริเริ่มจัดงานแสดงนาฬิกาประจำปีขึ้นในประเทศไทย โดยจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 แล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า งาน Central International Watch Fair เป็นสุดยอดงานมหกรรมนาฬิกาแห่งภูมิภาคเอเชีย ที่ไม่เพียงได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังได้รับความไว้วางใจจากค่ายนาฬิกาชั้นนำ ต่างรอที่จะนำนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ และนาฬิกาเรือนหรูระดับมาสเตอร์พีซมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้เสมอ

“สำหรับปีนี้ ห้างเซ็นทรัลฯยังคงคัดสรรนาฬิกาเรือนเด่นที่สุด คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดหลากหลายสไตล์ และรุ่นหายาก ลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่ส่งตรงจากงานบาเซิลเวิลด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาให้คนไทยได้จับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งในปีนี้กระแสความนิยมนาฬิกาในรูปแบบเรียบหรู คลาสสิก จะมาแรง รวมไปถึงนาฬิกากลไกที่ไม่สลับซับซ้อนมาก หรือนาฬิกาแบบย้อนยุคเรโทร (Retro) ก็มีผลิตออกมาจำหน่ายและเปิดตัวในงานนี้หลายแบรนด์

สำหรับการเปิดงานอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันพุธที่ 24 ส.ค. 54 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน

นอกจากนี้ ห้างเซ็นทรัล ยังมี Exclusive Brands ระดับโลก ที่นำมาจัดแสดงในประเทศไทย เฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ได้แก่ Louis Erard, Maitres du Temps, Montblanc, Sarcar ฯลฯ

เชิญสัมผัสสุดยอดศิลปะแห่งกาลเวลา คอลเลคชั่นใหม่ที่สุด พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดในงาน “Central International Watch Fair 2011” รอบพรีวิววันที่ 12 - 23 ส.ค. 54 ที่บริเวณล็อบบี้เลาจน์ และโถงเปียโน ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และเปิดงานอย่างเป็นทางการ วันที่ 24 ส.ค. - 27 ก.ย. 54 เวลา 10:00-22:00 น. ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และแผนกนาฬิกา ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา

ไก่ย่างวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ คงมีน้อยคนนักที่จะไม่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารขึ้นชื่อที่อยู่คู่จังหวัดมาหลาย 10 ปี อย่าง “ไก่ย่างวิเชียรบุรี” ซึ่งวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาทุกคนไปเรียนรู้เคล็ดลับแบบเจาะลึก ของไก่ย่างชื่อดังของที่นี่ ว่าทำอย่างไรถึงได้อร่อยเด็ด และได้รับความนิยมมายาวนาน

ถ้าจะเล่าถึงต้นกำเนิดของไก่ย่างวิเชียรบุรี คงต้องนับเวลาย้อนไปถึงช่วงปี 2505 ตาแป๊ะซึ่งนับเป็นคนที่ทำให้ไก่ย่างวิเชียรบุรีโด่งดังมาจนทุกวันนี้ เริ่มมาขายไก่จากเป็นไม้ๆ ละ 5 บาท และเป็นตัวๆ ละ 20 บาท

จนมาประมาณปี 2525 คุณสันติ “แม่ช้อยนางรำ” ได้มารับประทานไก่ย่าง ที่ร้านตาแป๊ะ จนเกิดความชื่นชอบ และได้มอบป้าย “ เปิบพิสดาร ” ให้ไว้เพื่อเป็นการยืนยันในรสชาติที่อร่อยถูกใจให้กับทางร้าน ทำให้ไก่ย่างวิเชียรบุรีเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และเป็นจุดหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเพชรบูรณ์

ปัจจุบันสามแยกวิเชียรบุรี มีร้านขายไก่ย่างน้อยใหญ่ อยู่ประมาณ 35 ร้าน โดยมีร้านชื่อดังอยู่มากมาย เช่น ร้านตาแป๊ะ ร้านบัวตอง ร้านศาลาไทย ร้านศรีประภา ร้านกฤษณา ฯลฯ แต่ละร้านก็จะมีสูตรการทำไก่ย่างและการทำน้ำจิ้มเป็นของตนเอง ซึ่งครั้งนี้ผมได้มีโอกาสมาชิมไก่ย่างวิเชียรบุรีขนานแท้ที่ร้านบัวตอง ซึ่งเปิดมานานกว่า 21 ปี

จุดเด่นของร้านบัวตอง อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงไก่ของร้านตัวเองให้แตกต่างจากร้านอื่น โดยเริ่มปรับสูตรหมักไก่ย่างเมื่อ 15 ปีที่แล้ว คุณพงศักดิ์ เจ้าของร้าน รุ่นที่3 เล่าให้ฟังว่า เคยทดลองทั้งใส่ตะไคร้ลงไปในน้ำหมักไก่ ใส่เต้าเจี้ยวบ้าง เหล้าขาวบ้าง กระทั่งมาลงตัวที่นมสด ทำให้ไก่นิ่มขึ้น สมัยก่อนหมักไก่ด้วยน้ำปลา แต่เดี๋ยวนี้ ใช้เกลือเม็ดหมัก เวลาละลายจะช้า ความเค็มจะเข้าเนื้อกว่า

ไก่ย่างวิเชียรบุรีทุกร้าน มีความโดดเด่นอยู่ที่การย่างไก่จนหนังกรอบแต่เนื้อนุ่ม และน้ำจิ้มกระเทียมรสเด็ดที่เป็นสูตรของแต่ละเจ้า ซึ่งรสชาติอาจแตกต่างกันไปบ้าง มีจำหน่ายทั้งไก่พื้นเมืองและไก่จากฟาร์ม ไก่พื้นเมืองปศุสัตว์จังหวัดได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่เลี้ยง เพื่อขายให้กับร้านไก่ย่าง วัตถุดิบส่วนใหญ่หาได้จากท้องถิ่น แม้กระทั่งแรงงานก็เป็นคนในพื้นที่ จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องคุณภาพ เพราะทุกคนมีความชำนาญเป็นอย่างดี

ขั้นตอนการทำไก่ย่างวิเชียรบุรีที่ผมถามเจ้าของร้านบัวตองมา ต้องเริ่มจากการคัดเลือกขนาดของไก่ที่จะนำมาย่างก่อน จากนั้นนำไก่มาหมักกับเครื่องเทศน์ให้เข้าที่ ใช้เวลาพอสมควรเพื่อให้เครื่องเทศซึมเข้าไปสู่เนื้อไก่ เมื่อหมักได้ที่แล้วนำไปใส่ไม้ และนำไปย่างบนเตายาวใช้ไฟอ่อนๆ จะทำให้เนื้อไก่ข้างในสุกเหนียวนุ่ม แต่หนังจะกรอบ ผู้ย่างต้องอาศัยความชำนาญในการพลิกไก่ และย่างให้สุกสม่ำเสมอทั้งตัว เป็นจุดเด่นของไก่ย่างวิเชียรบุรี

ไก่ย่างวิเชียรบุรีรับรองได้ถึงความปลอดภัย เพราะมีการตรวจสอบเรื่องสุขอนามัยตลอด จากสาธารณสุขจังหวัด ปัจจุบันมีการขยายสาขาไปต่างจังหวัดมากมาย แต่สังเกตง่ายๆคือ ไก่ย่างวิเชียรบุรีของแท้ จะมีป้ายสีเหลือง ตัวหนังสือสีแดงซึ่งได้รับการรับรองจากทางจังหวัดแล้ว แต่ถ้าอยากลิ้มลองรสชาติต้นตำรับแนะนำให้มาชิมกันเองที่เพชรบูรณ์จะได้บรรยากาศมากกว่า

ร้านขายไก่ย่างวิเชียรบุรี จะตั้งเรียงรายอยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี – หล่มสัก) ตรงบริเวณทางแยกเข้าอำเภอวิเชียรบุรี เปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 - 16.00 น. ชอบร้านไหนก็เลือกแวะกันได้

ถ้าใครอยากลองรสชาติไก่ของ "ร้านไก่ย่างบัวตอง" สอบถามที่อยู่ร้าน หรือรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆโทร 05 692 8042

ที่มา ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/web/index.cfm?page=content&categoryID=432&contentID=160039 

ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 22 พิกัดเดียวโดนใจ ทั่วไทยทั่วโลก 1-4กันยายน54 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

บริษัท พี.เค. เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด จะจัดงาน ไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 22 มหกรรมท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของไทย ต้อนรับหน้าหนาวปีนี้ให้คึกคัก ด้วยแนวคิด พิกัดเดียวโดนใจ ทั่วไทยทั่วโลก ระหว่าง 1-4 กันยายน 2554 เวลา 10.00-21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ภายในงานจะมีผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 1,185 ราย มาร่วมนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ โรงแรม รีสอร์ท บริษัททัวร์ สายการบิน รถเช่า เรือท่องเที่ยว สปา บัตรบุฟเฟ่ต์ ฯลฯ ในราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ พร้อมรับข้อเสนอดีๆ ทั้งส่วนลดเพิ่มสูงสุด 25% จากบัตรเครดิต CITIBANK และ HSBC และรับของรางวัลแจกมากมาย รวมทั้งมีกิจกรรมการแสดงบนเวทีให้ร่วมสนุกตลอดงาน

โรงแรมโฮเทล มิวส์ กรุงเทพฯ ชูความอิสระที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่หลงใหลในชีวิตอิสระ

โฮเทล มิวส์ โรงแรมบูติกสุดหรูของกลุ่มฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น ดีเดย์แกรนด์โอเพนนิ่งไตรมาส 1 ปีหน้า ชูจุดเด่นคอนเซ็ปต์ แรงบันดาลใจศิลปะชั้นสูงในยุคทองของศิลปะและวัฒนธรรม สมัยร.5 พร้อมดึงแบรนด์ เอ็มแกลเลอรี่ คอลเล็คชั่น เชนแอคคอร์เข้าบริหาร โฟกัสลูกค้าช่วงแรกมาจากเอเชียเป็นหลัก
นายโบโด้ คลินเจ็นเบิร์ก ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโฮเทล มิวส์ กรุงเทพฯ (หลังสวน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า โฮเทล มิวส์ กรุงเทพฯ เตรียมจะเปิดตัวโรงแรมอย่างเป็นทางการ(แกรนด์ โอเพนนิ่ง)ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2555 หลังจากการเปิดตัวโรงแรมอย่างไม่เป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ โดยโรงแรมแห่งนี้เป็นการลงทุนของบริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริหารโดยใช้แบรนด์ MGallery Collection ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมบูติกระดับหรู ที่บริหารงานโดยเชนแอคคอร์

โดยจุดเด่นของโฮเทล มิวส์ คือเป็นโรงแรมแห่งแรกที่เน้นการออกแบบและตกแต่ง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะชั้นสูงในยุคพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (The Golden Age of Travel) ซึ่งเป็นยุคทองของการเดินทางของศิลปะและวัฒนธรรม ผสมผสานรูปแบบความทันสมัยอย่างสากลควบคู่ไปกับความหรูหราสง่างามท่ามกลางยุคทองครั้งใหม่ของเอเชีย รวมถึงการสร้างในคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใครให้มีชีวิตขึ้นมา กับรูปแบบและแนวคิดแบบคอสโมโพลิแทน บูติก (cosmopolitan boutique) ตั้งอยู่บนถนนหลังสวน ใจกลางย่านธุรกิจ โดยมีสโลแกน "Passionately Independent" หรือความอิสระที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่หลงใหลในชีวิตอิสระ

ทั้งนี้จำนวนห้องพักของโรงแรมจะมีทั้งหมด 174 ห้อง เน้นการออกแบบตกแต่งภายในที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ยุโรป คลาสสิก และลวดลายเฉพาะตัวในแบบเอเชีย ประกอบด้วยห้อง ดีลักซ์ 24 ห้อง ห้องแกรนด์ ดีลักซ์ คิงและห้องเตียงคู่ 85 ห้อง เรสิเดนซ์ 54 ห้อง และสวีต 11 ห้อง ทุกห้องประกอบด้วยบาร์ส่วนตัว พื้นที่แยกส่วนสำหรับทำงาน โทรทัศน์จอแบนแอลอีดีที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ทั้งมีอินเตอร์เน็ตระบบแลนและไว-ไฟ เครื่องทำกาแฟและชา และลำโพงสำหรับต่อไอพอด
นอกจากจุดขายของโรงแรมแล้ว การบริหารโดยใช้แบรนด์เอ็มแกลเลอรี่ คอลเล็คชั่น ก็ถือเป็นจุดขาย เพราะโรงแรมแต่ละแห่งจะถูกสร้างให้มีคุณสมบัติของตัวเอง โดยเจ้าของโรงแรมแต่ละแห่งก็จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เช่น สามารถเลือกเป็น History, Design, Location หรือ Vision ซึ่งโฮเทล มิวส์จะได้ทั้ง 4 ตัว คือเป็นโรงแรมที่มีวิสัยทัศน์ เจ้าของมองแล้วเห็นวิสัยทัศน์ว่าโรงแรมเป็นแบบไหน โดยทุกจุดเป็นดีไซน์ มีประวัติศาสตร์ โลเกชัน และการบริการ ซึ่งทุกแง่มุมของโรงแรมเป็นจุดเด่นได้ทั้งหมด

สำหรับแผนการตลาด หลังจากที่ซอฟต์โอเพนนิ่งแล้ว จะส่งเสริมเบื้องต้นในเรื่องของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบริการท่องเที่ยวออนไลน์หรือ Third Party Website เช่น Agoda.com เป็นต้น เพราะจะนำธุรกิจให้เข้ามาเร็วที่สุด ขณะที่กลุ่มคอร์ปอเรตจะต้องใช้เวลาในการสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงใช้เวลาในการเซ็นสัญญาด้วย ประกอบกับเมืองไทยยังพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มพักผ่อนหรือเลเชอร์อยู่แล้ว ทั้งนี้ การบริหารโดยเชนแอคคอร์ก็จะมีการทำตลาดไปทั่วโลกในการดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการ อย่างไรก็ดี ในช่วงเปิดโรงแรมใหม่จะมีราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ราว 5,500 บาท โดยแต่ละโรงแรมจะมีช่วงความต้องการของตลาดหรือ Need Period ไม่เท่ากัน ดังนั้น ก็จะมีการออกโปรโมชันต่างๆ ทั้งแอคคอร์เองก็มีการปรับราคาตามความต้องการหรือ Dynamic Rate

ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักของโรงแรม จะเป็นกลุ่มจากสิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย ยุโรป โดยช่วงแรกจะเป็นจากสิงคโปร์ ฮ่องกง และในภาคพื้นเอเชีย ดังนั้น ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งจึงจะมีลูกค้าจากยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา โดยในปีหน้าคาดว่าสัดส่วนของกลุ่มคอร์ปอเรตจะอยู่ที่ราว 60% และเลเชอร์ 40% ประกอบกับช่วงเปิดโรงแรมใหม่ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 38% ทั้งตั้งเป้ามีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปี 2555 ราว 60-65%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,664 25- 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จัด10ภาษาบริการสุวรรณภูมิรับทัวริสต์ขยายตัว

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เปิดศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ณ สนามบินสุวรรณภูมิ รองรับการขยายตัวท่องเที่ยวปี 54-58 โดยเน้นบูรณาการทำงานร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว ในการอำนวยความสะดวกและรับเรื่องร้องทุกข์ ภายใต้การสื่อสารกว่า 10 ภาษา รวมถึงอำนวยความสะดวกนักกีฬาที่เข้าแข่งขันไทยกว่า 300 รายการ
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า ในขณะนี้ทางกระทรวงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการและบริการนักท่องเที่ยว (Tourist Service Center at Suvarnabhumi Airport) ขึ้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ประตู 3 ภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบิน เพื่อบริการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์จากนักท่องเที่ยว
โดยศูนย์ดังกล่าว จะมีเจ้าหน้าที่จำนวน 14 คน ให้บริการนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้การสื่อสาร 10 ภาษา ได้แก่ ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน และภาษาไทย เพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้นจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าไทยผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิเป็นหลัก หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 8-10 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสอดคล้องกับการขยายตัวของการท่องเที่ยวของไทย
ทำให้การให้บริการ จึงมีการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว มาช่วยในการดูแลนักท่องเที่ยว โดยมีการบูรณาการและทำงานเป็นทีมด้านการท่องเที่ยวของชาติในลักษณะเบ็ดเสร็จ(One Stop Service)อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากศูนย์บริการแห่งนี้ จะให้บริการนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเน้นการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่นักกีฬาจากชาติต่างๆที่เดินทางมาแข่งขันกีฬาและกิจกรรมนันทนาการในประเทศไทย เนื่องจากในปี 2554-2559 ประเทศไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดกิจกรรมนานาชาติทางด้านกีฬากว่า 300 รายการ ซึ่งเป็นรายการระดับโลก 69 รายการ ระดับนานาชาติ 68 รายการ ระดับเอเชีย 92 รายการ ระดับอาเซียน 24 รายการ โดยเฉพาะในปี 2555 กรุงเทพฯจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลโลก และในปี 2557 ภูเก็ตจะเป็นเจ้าภาพแข่งขันบีชเกมส์โลกด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,664 25- 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ห้างดังชูจุดขาย ร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ หวังดึงดูดลูกค้า

โมเดลใหม่ของศูนย์การค้า ณ ชั่วโมงนี้ ที่พยายามดึงแบรนด์ดัง หรือ แบรนด์เซ็ปต์ใหม่ ๆ เข้ามาเปิดให้บริการในศูนย์ของตัวเอง เพื่อสร้างความต่างจากคู่แข่ง ที่สำคัญเพื่อหวังให้เป็นแม็กเนตในการดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์มากขึ้น นอกจากร้านแฟชั่นแบรนด์เนม, แบรนด์เครื่องสำอางจากต่างประเทศที่จ่อคิวเข้ามาเปิดตลาดในไทยแล้ว ปัจจุบันร้านอาหารก็ถือเป็น "แม่เหล็ก" สำคัญในการดึงใจลูกค้าไม่แพ้กัน

วันนี้หากไปเดินในห้างดังทั้งสยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, พาราไดซ์ พาร์ค รวมถึงห้างสุดฮิตอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่กำลังจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนสิงหาคม รวมถึงห้างใหม่ที่จะอวดโฉมให้เห็นในเร็ว ๆ นี้กับเซ็นทรัล พระราม 9 ต่างพาเหรดร้านอาหารดังมาขึ้นห้างกันแทบทั้งสิ้น บางแบรนด์เป็นร้านดังของคนไทย ที่ดังอยู่ในย่านต่าง ๆ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า หรือรุ่นพ่อแม่ จนสร้างชื่อเสียงและกลายเป็นแหล่งนัดพบ หรือปลายทาง (destination) ของบรรดานักชิม และคนชอบกินทั้งหลาย ที่พอถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ก็มีการปรับแบรนด์ ปรับคอนเซ็ปต์ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการขยับจากสแตนด์อะโลนมาอวดโฉมบนศูนย์การค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าในวงกว้าง และกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น

จึงเกิดเป็นกลยุทธ์แบบ "วิน-วิน" ของทั้งห้างและร้านอาหาร ที่ช่วยการขยายกลุ่มลูกค้าของตัวเองออกไป

ศุภโชค กิจวิมลตระกูล กรรมการ ผู้บริหารร้าน "แหลมเจริญ ซีฟู้ด" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผู้บริโภคยุคนี้ต้องการเสาะหาร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ ในศูนย์การค้า เป็นเทรนด์ที่เกิดมา 3-4 ปีและขณะนี้ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งบรรดาศูนย์ต่าง ๆ ก็จับความรู้สึกนี้ได้

"เป็นโจทย์ของทางศูนย์ที่ต้องการร้านอาหารแคทิกอรี่ใหม่ ๆ เข้ามาเปิดมากขึ้น เพื่อดึงคนเข้าห้าง"

สำหรับแหลมเจริญ ซีฟู้ด เขาระบุว่า เราถือเป็นร้านซีฟู้ดขึ้นห้างเป็นแบรนด์ แรก สิ่งที่ได้คือกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ รวมถึงกลุ่มใหม่ ๆ ทั้งครอบครัว และคนทำงานออฟฟิศ นักท่องเที่ยวต่างชาติ

กระแสที่เกิดขึ้นทำให้วันนี้ตัวเลือกแรก ๆ ของศูนย์การค้าสำหรับแบรนด์ร้านอาหาร ไม่จำกัดวงอยู่แค่เชนดังอย่างสตาร์บัคส์, เอ็มเค, แมคโดนัลด์, เคเอฟซี, เดอะพิซซ่า คอมปะนี, ชาบูชิ ฯลฯ แต่ขยายวงไปที่ร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ที่ไม่ต้องการความจำเจ

ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือ การเปิดโซนร้านอาหาร "ฟู้ด พาสสาจ" ที่สยามพารากอน พร้อม 12 แบรนด์ดังในคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ หรือเซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่กำลังจะเปิดตัวนั้นก็จะมีโซนร้านอาหาร โดยใช้พื้นที่รวม 5,000 ตารางเมตร เพื่อหวังเป็นจุดขายใหม่ และให้เกิดอิมแพ็กต์ ในการดึงดูดลูกค้าอย่างเต็มที่

การถาโถมของแบรนด์ดังของคนไทยขึ้นห้าง ทำให้บรรดาค่ายร้านอาหารยักษ์ใหญ่ ที่เป็นเชนต่าง ๆ จำต้องปรับตัว ไม่ย่ำอยู่กับร้านในคอนเซ็ปต์เดิม ๆ

เห็นชัดจากการขยับตัวของค่ายซีอาร์จี ในเครือเซ็นทรัล ที่พยายามหาร้านอาหารแนวใหม่ ๆ เข้ามาเปิดให้บริการ

"สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส-ปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล เรสเตอรองตส์ กรุ๊ป หรือซีอาร์จี กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ซีอาร์จีจะเดินหน้าสร้างตลาดใหม่ ๆ ด้วยการศึกษาเทรนด์ของร้านอาหารในอนาคต

การเปิดแบรนด์คาเฟ่ อันโดนัน ร้านคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว ถือเป็นการทดลองตลาดของยักษ์ใหญ่รายนี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีร้านคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นเปิดให้บริการในไทย รวมถึงโยชิโนย่า ร้านข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่นที่กำลังจะเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวของค่ายซีอาร์จี

ในฝั่งของ "ตัน ภาสกรนที" ล่าสุดก็เปิดร้านอาหารแนวใหม่ "โตคิยะ" ในคอนเซ็ปต์ "ฟิวชั่น สเต็ก คอร์ส" เสิร์ฟเป็นฟูลคอร์สราคา 499 บาท ใน สไตล์ฟิวชั่นญี่ปุ่นผสมตะวันตก หรือจะเป็นร้านของนักแสดง "เอ๊ะ ศศิกานต์" ที่รุกหนักกับ "ทูดาริ" ร้านอาหารเกาหลี ซึ่งเปิดที่สยามพารากอนในรูปแบบภัตตาคาร ที่เน้นเมนูหลากหลาย

"ปิ้งย่างเกาหลีทำกันเยอะมาก เราต้องการฉีกจากร้านเกาหลีอื่น ๆ โดยชูจุดแข็งเรื่องเมนูที่หลากหลาย ครบครัน"

ที่น่าจับตามองอีกค่ายคือ "เบรดทอล์ค กรุ๊ป" ค่ายร้านอาหารยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์ ที่เริ่มเดินหน้าในไทยอย่างเต็มที่หลังจากนี้

"จอร์จ เคว็ก" ประธานกลุ่ม บริษัท เบรดทอล์ค กรุ๊ป จำกัด ชี้ว่าบริษัทประกาศทุ่ม 1,000 ล้านบาทลงทุนขยายเครือข่ายร้านอาหารและเบเกอรี่ในเครือกว่า 100 แห่งภายใน 5 ปีนับจากนี้ ล่าสุดได้เปิดร้าน "ติ่น ไท่ ฟง" ร้านอาหารจีนชื่อดังระดับโลกสาขาแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียด้วยพื้นที่ 7,700 ตารางฟุต ซึ่งกำลังเป็น กระแสขณะนี้ และในช่วงปลายปี เตรียมนำแบรนด์ "ฟู้ด รีพลับบลิค" เข้ามาเปิดสาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัล พระราม 9

ถือเป็นโจทย์ของร้านอาหารยุคนี้ที่ต้อง "คิดใหม่ ทำใหม่" เพื่อมัดใจลูกค้ายุคปัจจุบันที่ไม่ชอบย่ำอยู่กับความซ้ำซาก จำเจอีกต่อไป

ขอบคุณ ข้อมูลข่าวสารจากประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1313659336&grpid=no&catid=11&subcatid=

Grape & Grazing ทริปสุดเก๋ อโกด้าร่วมมือกับ แบงคอก แอร์เวย์ และนอร์ท ภูเก็ต รีสอร์ท

Agoda บริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์สำรองห้องพักในโรงแรมแบบออนไลน์ ซึ่งรับประกันราคาห้องพักที่ถูกที่สุดในเอเชียและเป็นส่วนหนึ่งของเครือ Priceline.com (Nasdaq: PCLN) ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดมีเดีย ทริปสุดเก๋ ณ หาดไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต เมื่อไม่นานมานี้

โดยมีผู้แทนจากมีเดียชื่อดังในเมืองไทยเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมพบกับบรรดาผู้ผลิตไวน์และเชฟฝีมือเยี่ยมในเทศกาล Grape & Grazing นี้ จุดเด่นของงานคืออาหารรสเลิศของภูเก็ต ความโดดเด่นของอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน เสิร์ฟพร้อมไวน์รสเลิศที่ภัตตาคาร JW Marriot Cucina นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเทศกาลนี้

ผู้ผลิตไวน์ชั้นนำจากอิตาลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ต่างนำไวน์ที่เคยชนะรางวัลมาจัดแสดงตลอดทั้ง 4 คืน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวน์ คุณภารณี จิตรกร – หน่อง ก็ได้ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย ในงานนี้นักข่าวจากหลากหลายสื่อชั้นนำได้รับเชิญมาร่วมสัมผัสบรรยากาศสุดหรูไปกับทัวร์ชมโรงแรม JW Marriott Phuket, SALA Phuket, Anantara Phuket, และ Renaissance Phuket Resort and Spa เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวทางตอนเหนือของภูเก็ต

อิมพีเรียล สปา โปรโมชั่น Splunch ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคมนี้ (จ.-ศ.)

โปรโมชั่นพิเศษ “Splunch” ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคมนี้ (จ.-ศ.) “อิมพีเรียล สปา” (ผ่อนคลายแบบวิถีไทย) ชั้น 9 โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 มีความยินดีขอเสนอโปรโมชั่นพิเศษ “SPlunch” กับ 2 แพ็คเก็จสุดคุ้มเพื่อคุณ ๆ ได้แก่

• ใช้บริการ 1 ชั่วโมงกับ “อิมพีเรียล มาสซาจ” พร้อมเลือกอิ่มอร่อยกับอาหารบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อกลางวันเลิศรส ที่ห้องอาหารปาร์ควิวของโรงแรมฯ ในราคาพิเศษเพียง 1,000 บาทสุทธิ/ท่าน



• ใช้บริการ 2 ชั่วโมงกับ “อิมพีเรียล สปา บุฟเฟ่ต์” พร้อมเลือกอิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อกลางวันเลิศรส ที่ห้องอาหารปาร์ควิวของโรงแรมฯ ในราคาพิเศษเพียง 2,000 บาทสุทธิ /ท่าน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร. 02-261-93000 ต่อ 5115

รร คอนราด รุกเปิดคอนราดแห่งที่ 2 ในไทยที่ เกาะสมุย

โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ รุกเปิดคอนราดแห่งที่ 2 ในไทยที่เกาะสมุย ต้นเดือนกันยายนนี้ พร้อมทุ่มร่วมพันล้านบาทรีโนเวตใหญ่ ทั้งผนึกออล ซีซั่นส์ เพลส จัดกิจกรรมการตลาดครั้งใหญ่ ฉลองครบรอบ 8 ปี เปิดตัวบัตรสิทธิพิเศษ "ASP Club" ลุ้นรางวัลใหญ่พักฟรี 8 คืนที่โรงแรมคอนราดแห่งใดก็ได้ในโลก ทั้งมอบส่วนลดตั้งแต่ 15-30% จาก 250 ร้านค้าของโรงแรมและภายในอาคารออล ซีซั่นส์
นายวินเซนต์ เมอร์คูริโอ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ เผยว่าโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ เตรียมเปิดตัวโรงแรมคอนราด แห่งที่ 2 ในประเทศไทย ที่เกาะสมุย ภายในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ด้วย ซึ่งโรงแรม คอนราด สมุย จะมีห้องพักในแบบวิลล่าทั้งหมด 79 วิลล่า รวมทั้ง กลุ่มโครงการ ออลซีซั่นส์ เพลส ยังเตรียมแผนที่จะปรับปรุง(รีโนเวต) โรงแรม คอนโดมิเนียมและร้านอาหารต่างๆ เพื่อสร้างความหรูหราเพิ่มขึ้น ภายใต้งบลงทุนราว 500-1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯยังได้ร่วมมือกับกลุ่มอาคารออลซีซั่นส์ เพลส ซึ่งเป็นธุรกิจภายใต้บริษัทออลซีซั่นส์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้เปิดตัวบัตรสิทธิพิเศษ "ASP Club" (สมาชิก ออล ซีซั่นส์ เพลส) เพื่อฉลองการครบรอบ 8 ปีของการเปิดให้บริการของโรงแรม และตอกย้ำความเป็นแบรนด์หรู ที่เป็นเจ้าของกิจการอาคารสูงเพื่อการพาณิชย์และโรงแรมหรูหราระดับห้าดาวในกรุงเทพฯ
โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการลุ้นรางวัลใหญ่พักฟรี 8 คืนที่โรงแรมคอนราดแห่งใดก็ได้ในโลกพร้อมตั๋วเครื่องบินสำหรับ 2 ท่าน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้จะต้องสะสมแสตมป์ให้ครบ 8 ดวงลงใน 'Conrad Passport' ภายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 นี้ ซึ่งเมื่อใช้จ่ายครบทุก ๆ 888 บาท ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ จะได้รับแสตมป์ 1 ดวง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะมีทั้งลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมและผู้ที่ทำงานอยู่ภายใน ออล ซีซั่นส์ เพลส คอมเพล็กซ์
ทั้งนี้บัตรสมาชิกจะแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับไดมอนด์ ซึ่งสมาชิกจะมาจากการรับเชิญเท่านั้น และระดับโกลด์ โดยสมาชิกระดับไดมอนด์ จะได้รับส่วนลด 25% ส่วนระดับโกลด์ รับส่วนลด 15% จากอาหารและเครื่องดื่มจากร้านค้าภายในโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ รวมถึงการรับส่วนลดเบื้องต้น 30% จากร้านค้าต่างๆ ภายในออล ซีซั่นส์ เพลส รวมกว่า 250 ร้านค้า อาทิ ร้านอาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ร้านแฟชั่น ร้านไวน์ เครื่องเพชร เป็นต้น พร้อมยังจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองภายใต้ชื่อ "CEREBR8 ASP Club Launch & 8 Years of Luxury with Conrad Bangkok" โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ มร. กวน มู่ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานด้วย
ด้านนายแฟรงค์กี้ เปา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออลซีซั่นส์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่าในช่วงแรกของการเปิดตัวบัตรนี้ ผู้ที่เป็นสมาชิกบัตรจะครอบคลุมถึงผู้เช่าและผู้ที่เข้ามาใช้บริการภายในออลซีซั่นส์เพลสก่อน และหลังจากนี้อีกไม่นานเราก็มีแผนจะขยายผลออกไปให้ครอบคลุมย่านใกล้เคียง รวมทั้งย่านธุรกิจหลัก ๆ ของกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้แก่บัตรนี้ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อผลประโยชน์ที่จะมากขึ้นของสมาชิกเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันอาคารออลซีซั่นส์ ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน 3 แห่ง อาคาร Retail Mall และอาคารโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ และในปัจจุบัน มีผู้เช่าพื้นที่อยู่รวมทั้งสิ้นกว่า 250 ราย และในแต่ละวันมีจำนวนผู้เช่าและใช้บริการทั้งสิ้นกว่า 10,000 คน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,660  11 - 13  สิงหาคม พ.ศ. 2554

หัวเรือใหญ่ ศรีพันวา วรสิทธิ์ อิสสระ โรงแรมและบ้านพักตากอากาศสุดหรูในแบบพูลวิลล่า

การปลุกปั้น"ศรีพันวา" โรงแรมและบ้านพักตากอากาศสุดหรูในแบบพูลวิลล่า จนปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจของ "ชาญอิสสระ กรุ๊ป" ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการก้าวสู่สมรภูมิโรงแรมเป็นครั้งแรก และขณะนี้ยังมีแผนขยายการลงทุนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการบริหารงานดังกล่าว เกิดจากฝีมือทายาทเจเนอชัน 3 ของตระกูลชาญอิสสระ ซึ่งเขามีกลยุทธ์ในการสร้างชื่อศรีพันวา ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโรงแรมอย่างไร และทิศทางการขยายการลงทุนด้านโรงแรมของชาญอิสสระ กรุ๊ป จะเป็นอย่างไร อ่านได้จากสัมภาษณ์นายวรสิทธิ์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ ศรีพันวา ภูเก็ต บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด

++เส้นทางสู่ธุรกิจโรงแรม
ศรีพันวาถือเป็นโครงการที่มีโรงแรมหรูแห่งแรกของ "ชาญอิสสระกรุ๊ป" ที่มีคุณปู่ (ชาญ อิสสระ) เป็นผู้ก่อตั้ง สำหรับการเริ่มทำธุรกิจที่นี่ คุณพ่อ (สงกรานต์ อิสสระ) ได้ซื้อที่ดินตรงนี้เมื่อปี 2546 โดยเดิมทีตั้งใจทำเป็นโครงการบ้านพักตากอากาศ เพื่อขายให้ลูกค้าทั้งหมด แต่ผมบอกว่าขอเก็บส่วนหนึ่ง เพื่อเอาไว้ทำเป็นโรงแรม เพราะมันมีตลาด จนมาช่วงหลังถึงได้ตัดสินใจเก็บที่ดินส่วนหนึ่งไว้ทำเป็นโรงแรม และขณะนี้ผลตอบรับของโรงแรมก็ดีมาก โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ราว 60-65%
คอนเซ็ปต์ของโรงแรม พูลวิลล่า จึงถูกออกแบบในสไตล์ทรอปิคอลร่วมสมัย โดยนำเอาบรรยากาศของเมืองไมอามีเข้ามาผสมผสาน เพราะผมโตที่เมืองไมอามี ทั้งคอนเซ็ปต์ก็เป็นลักชัวรี เซอร์วิสด้วย เรียกได้ว่าเป็นเซอร์วิส ลักชัวรีแบรนด์ รวมกับบูติกโฮเต็ล รวมถึงเน้นความเป็นเฟรนด์ลี่หรือเป็นมิตรในบรรยากาศไมอามี บีช และมีการนำดีไซน์โรงแรมฮิพๆ ทั่วโลกมารวมกัน แต่นำการบริการแบบไทยใส่ลงไป อย่างพนักงานก็จะใส่ชุดบีชบอย บีชเกิร์ล เพื่อให้ได้บรรยากาศรีแล็กซ์
วรสิทธิ์ อิสสระวรสิทธิ์ อิสสระ++ผุดวิลล่าสเกลใหญ่กว่าเดิม
สำหรับห้องทั้งหมดของศรีพันวา มีกว่า 79 หลัง โดยแยกเป็น วิลล่า ที่เป็นส่วนของโรงแรมนั้น มีห้องพักแบบพูลวิลล่า 52 ยูนิต ห้องพักแบบพูลสวีต 7 ห้อง และส่วนที่เป็นเรสิเดนต์ มีทั้งหมด 20 ยูนิต ขายไปหมดแล้ว ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 37-350 ล้านบาท ตามขนาดต่างๆของวิลล่า แต่โดยเฉลี่ยจะมีราคาขายหลังละ 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(195 ล้านบาท) โดยลูกค้ามีอยู่ทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน เมนแลนด์ อินเดีย
อีกทั้งขณะนี้ยังมีแผนสร้างเพิ่มอีก 5 หลัง สร้างเสร็จแล้ว 1 หลัง ขนาด 5 ห้องนอน บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร มีสระว่ายน้ำ 2 แห่ง สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเต็มที่ สำหรับที่เหลืออีก 4 หลัง ในราวอีก 6 เดือนจะเริ่มทยอยสร้างอีกหลัง แต่หากว่าเศรษฐกิจดีขึ้นก็จะสร้างเลย เพราะต่อไปก็ขายได้อยู่แล้ว ทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างการสร้างวิลล่าส่วนตัวขนาดใหญ่อยู่บนเขา 6-10 ห้องนอน สำหรับใช้เป็นที่พักผ่อนของครอบครัวด้วย
อย่างไรก็ตามการทำโรงแรมแบบพูลวิลล่าในภูเก็ต ยังไม่ค่อยมีคู่แข่ง ซึ่งในภูเก็ตก็มีพูลวิลล่าอยู่บ้าง เช่น TRISARA บันยันทรี และอมันปุรี แต่ก็เป็นคนละสไตล์ ทั้งธุรกิจพูลวิลล่าในภูเก็ตยังมีน้อย โดยภูเก็ตมีห้องพักราว 6 หมื่นห้อง แต่มีพูลวิลล่าไม่เกิน 1,000 ห้อง ดังนั้น จึงไม่แข่งกันเลย แต่โรงแรมระดับ 2, 3 และ 4 ดาว จะแข่งขันกันมาก แต่เราก็มั่นใจในโปรดักต์ของศรีพันวา
ทั้งผมไม่กังวลเรื่องคู่แข่ง เพราะเราไม่ได้ก๊อบปี้ใคร เป็นการนำไอเดียหลายแห่งมารวมกัน โดยจุดเด่นของศรีพันวาอยู่ที่เป็นแบรนด์ของคนไทย รู้จักตลาดคนไทย และมีลูกค้าเป็นคนไทยจำนวนมาก โดยลูกค้าราว 40% เป็นรีพีตเตอร์หรือกลุ่มที่มาซ้ำ และราว 30% เป็นลูกค้าที่แนะนำมา รวมถึงกลุ่มที่ค้นพบทางอินเตอร์เน็ตราว 10-15% ทั้งนี้ เรายังเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าคนไทยภูมิใจมาก
alt ++รุกกลยุทธ์ออนไลน์
ส่วนการบริหารงานแม้ ศรีพันวาเป็นโรงแรมแบบสแตนด์อะโลนที่มีการบริหารงานด้วยตัวเอง ทั้งเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา มีคนใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนมาก จึงมองการใช้อินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้ง ดังนั้น เลยมีบริษัทเล็กๆ สำหรับทำเว็บดีไซน์เกิดขึ้น โดยใช้ศรีพันวาทดลองขายในเว็บ sripanwa.com รวมถึงยังทำออนไลน์ช็อปขายพวกซอส แชมพู และเสื้อยืดของศรีพันวา เป็นต้น โดยพวกนี้สามารถขายได้เรื่อยๆ
ประกอบลูกค้าจองห้องพักของศรีพันวาจากออนไลน์บิสิเนสราว 40% ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จาก 2-15% ทั้งขณะนี้ลูกค้าจองผ่านออนไลน์มากขึ้น รวมถึงราคาในเว็บไซต์ก็มีโปรโมชันพิเศษ หรือมี lastminute ซึ่งจะถูกกว่าราคาที่ตั้งไว้ราว 40% ทั้งยังมีราคาพิเศษสำหรับคนไทยที่จะลดลงราว 50% จากราคาที่ตั้งไว้ หรือบางครั้งก็มีการแถมสปาให้ด้วย โดยที่ลูกค้าเบอร์หนึ่งของศรีพันวาคือคนไทย รวมถึงเกาลี และยุโรปด้วย ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเลเชอร์หรือนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน รวมถึงมาจัดงานแต่งงานแบบไพรเวตปาร์ตี้ ที่มีคนเข้าร่วมงานราว 70-200 คน โดยเฉพาะฮ่องกงและจีนที่เดินทางมาจำนวนมาก
ทั้งนี้ ลูกค้าจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลา บางทีเป็นกลุ่มครอบครัวจากออสเตรเลีย ยุโรป และกลุ่มเกาหลีที่มาฮันนีมูน ราคาห้องพักเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ราว 26,000-28,000 บาท อย่างไรก็ดี โรงแรมในไทยมีการให้บริการที่ดีที่สุดในโลก และศรีพันวาก็เป็นเบอร์หนึ่งในการให้บริการ ที่อื่นสู้ศรีพันวาไม่ได้ ผมกล้าบอกได้เลยว่าที่นี่มีความคุ้มค่าเงินหรือ Value for Money เช่น มีมินิบาร์ในห้องพัก ซึ่งก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งเราเป็นโรงแรมท็อปในประเทศไทย แม้จะไม่แพงเท่ายุโรป แต่ก็มีความคุ้มค่าเงินดีที่สุด
พร้อมกันนี้ สำหรับกลยุทธ์การตลาดก็มีทีมงานเดินทางไปโรดโชว์ยังต่างประเทศ เพื่อหาลูกค้าและตลาด รวมถึงล่าสุดพาทีมผู้จัดการไปพักอยู่ในโรงแรมระดับท็อปของสมุย เพื่อศึกษาตลาด ผมถึงให้ลองไปอยู่พูลวิลล่าของที่อื่นได้เลย แล้วมาบอกผมว่าเป็นอย่างไร ด้านอินเตอร์เน็ตก็หาช่องทางและหาแรงบันดาลใจตลอด ทั้งการเป็นบริษัทขนาดเล็ก เราจึงไม่ต้องเสนอบอร์ด หรือส่งแอกชันแพลน อยากทำอะไรก็ทำได้เลย นับเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้สามารถคุมงบประมาณหรือบัดเจ็ตของเราได้ หากทำโรงแรมต้องทำเอง ไม่ใช่แค่ดูเผินๆ ต้องดูด้วยตนเอง และต้องรู้งานบริการ
สำหรับแผนโปรโมต ขึ้นอยู่กับแต่ละเดือนและแต่ละประเทศ ซึ่งต้องดูช่วงวันหยุดด้วย เช่น ดูช่วง Golden Week ของญี่ปุ่น ฮ่องกง เป็นต้น อย่างจะชวนคนญี่ปุ่นมาเที่ยวก็ออกโปรโมชัน 50% หรือมี lastminute นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันสำหรับคนไทย และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย ทั้งการจองผ่านอินเตอร์เน็ตและโทร.มาจอง รวมถึงลูกค้าแบบวอล์กอินด้วย ซึ่งก็มีบ้างแต่น้อย ทั้งนี้ ลูกค้าต่างชาติมีวันพักเฉลี่ย 3 วัน แต่ในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์จะมีวันพักเฉลี่ยราว 5 วัน ขณะที่กลุ่มพักระยะยาวหรือลองสเตย์ก็มีจำนวนมากเช่นกัน รวมถึงการมีเที่ยวบินตรงจากฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน ทำให้การเดินทางเข้ามาในภูเก็ตง่ายมาก พอถึงช่วงเทศกาล อย่างปีใหม่เราก็จะซื้อตั๋วไว้เลย 20-30 ใบ เพื่อเก็บไว้ให้ลูกค้าที่ต้องการมา เพราะช่วงนี้จะฮอตมาก

++เล็งรับบริหาร รร.อีก 5 ปี
สำหรับแผนการขยายโรงแรม หากขยายที่อื่น อาจจะทำเป็นวิลล่าที่ใหญ่ขึ้นและมีราคาสูงขึ้น ซึ่งหากมีที่หรือมีตลาดที่น่าสนใจก็ไป โดยอยากทำตลาดขายบ้าน แต่มีโรงแรมด้วย เพราะถ้าไม่ขายบ้าน โรงแรมจะติดธนาคาร 8 ปี สร้างโรงแรมไม่ได้เท่านี้ รวมถึงแผนที่จะขยายรีสอร์ตไปยังเมืองอื่นๆ นั้น ขณะนี้ขอเวลาก่อน 5 ปี เพราะอยากจะโฟกัสศรีพันวาให้ดีเสียก่อน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีข้อเสนอจากต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก เช่น มีเจ้าชายจากซาอุดีอาระเบีย รวมถึงจากดานัง ประเทศเวียดนามและออสเตรเลีย ที่ชื่นชอบแบรนด์ของศรีพันวา และต้องการให้เราบริหารโรงแรมให้ แต่ผมมองว่าเรายังไม่พร้อม ขอเวลาก่อน 5 ปี คาดว่าจะมีแวลูมากกว่านี้ ทั้งบุคลากรของเราก็ยังไม่พร้อมด้วย ซึ่งก็ต้องมีการพัฒนาในส่วนนี้ก่อน
วรสิทธิ์ อิสสระ

ทั้งหมดเป็นวิชันของทายาทเจเนอเรชัน 3 กับการปลุกปั้น "ศรีพันวา"จนประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,662 18- 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Pattaya Food & Hoteliers Expo ปีที่ 5 เมืองพัทยา 5-7สิงหาคม 54

มหกรรมงานแสดงอาหารและเครื่องดื่ม “คนโรงแรม” เมืองพัทยา 2554 ครั้งที่ 5 ได้รับความสนใจไม่น้อยหน้ากว่าปีที่แล้ว เผยรูปแบบงานจัดใหญ่และมีชื่อเสียงระดับประเทศ นานาชาติตบเท้าร่วมงานทะลัก ทำเม็ดเงินท่องเที่ยวกระเตื้อง

ตามที่ เมืองพัทยาร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมนักบริหารงานอาหารและเครื่องดื่มภาคตะวันออก สมาคมเชฟเมืองพัทยาและจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออก และชมรมผู้บริหารงานแม่บ้านภาคตะวันออก ร่วมกันจัดงาน Pattaya Food & Hoteliers Expo’11 (5th edition) หรือมหกรรมงานแสดงอาหารและเครื่องดื่ม “คนโรงแรม” เมืองพัทยา 2554 ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2554 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติพีช โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา และริมชายหาดพัทยา เพื่อพัฒนาฝีมือของบุคลากรคนโรงแรม และการกระตุ้นพัฒนาการและมาตรฐานการบริการเพื่อความเข้มแข็งของธุรกิจการท่องเที่ยวไทยนั้น

นายยุพราช วงศ์ดาวกูล นายกสมาคมนักบริหารงานอาหารและเครื่องดื่มภาคตะวันออกแห่งประเทศไทย เผยว่า กิจกรรมในปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา เชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากและไม่น้อยกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน เพราะรูปแบบงานที่มีการ่วมมือหลากหลายภาคส่วนทำให้งานดูออกมายิ่งใหญ่และได้รับความนิยมระดับสูง ถือเป็นงานที่มีชื่อเสียงระดับประเทศงานหนึ่ง

งาน Pattaya Food & Hoteliers Expo’11 (5th edition) มีทั้งการประกวด Pattaya Culinary Cup 2011 ซึ่งเป็นการประลองฝีมือของเชฟนานาชาติจาก 10 ประเทศ การประกวด The Pattaya Hospitality Art Competition ซึ่งเป็นการแข่งขันความสามารถทางวิชาชีพ การประกวดพ่อครัวมืออาชีพระดับเยาวชน PFHE Junior Chef Team Challengr 2011 เป็นการแข่งขันปรุงอาหารในระดับเยาวชน อายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์ประเทศไทย ประเภททีม 3 คน ระดับ ปวช./ปวส. และระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ

ยังมีการแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในธุรกิจโรงแรม Pattaya Hospitality Trade Expo’11 และการแข่งขัน Pattaya GALA Setting Super Team Challenge เป็นการแข่งประเภททีมให้บริการงานเลี้ยงในแบบกาล่าเต็มรูปแบบทั้งเชฟ บริการเสิร์ฟ และการจัดโต๊ะอาหาร-ดอกไม้

ยังมีการรวมร้านอาหารภาคตะวันออกและมีการแสดงของศิลปินสร้างสีสันริมหาดพัทยาภายใต้ชื่อ Pattaya Food On The Beach ซึ่งเชื่อว่าความหลากหลายของกิจกรรมในปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เม็ดเงินด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในเมืองพัทยากระเตื้องและคึกคักยิ่งขึ้นไปด้วยเช่นกัน

งานแสดงสินค้าและบริการธุรกิจ ท่องเที่ยว Travel Expo Thailand 2011 4-7 ส.ค. 54 อาคาร 3-4 อิมแพ็ค

งานแสดงสินค้าและบริการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดธุรกิจการท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย” อาทิ โรงแรม , รีสอร์ท , สปา ,สายการบิน , บริษัทนำเที่ยว , รถเช่า , เรือท่องเที่ยว , องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (NTO), สถานบันเทิงและพักผ่อนหย่อนใจ, หน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยว , อุปกรณ์ดำน้ำ , ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ท่องเที่ยว , สื่อการท่องเที่ยว , บริการท่องเที่ยว , สนามกอล์ฟ และอื่นๆ

ไม่ควรพลาดงาน Travel Expo Thailand 2011 ในวันที่ 4-7 สิงหาคมนี้ ณ Hall 3-4 อิมแพค เมืองทองธานี พบการออกบูธจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวต่าง ๆ โรงแรม บริษัททัวร์ ที่พร้อมใจกันเสนอโปรโมชั่นพิเศษทั้งลด ทั้งแถม สูงสูดลดถึง 80% นอกจากนี้ยังมีบูธของอุปกรณ์กีฬาทั้งกลอฟ ดำน้ำ ถ่ายภาพ แคมปิ้ง และกีฬาแอดเวนเจอร์ต่าง ๆ มาให้ผู้ที่ชอบกีฬากับการท่องเที่ยวได้เลือกสรร พร้อมด้วยบูธสินค้าโอทอปและผลิตภัณฑ์ ของที่ระลึกต่าง ๆ มารวมอยู่ในงานนี้ ตบท้ายด้วยความสนุกสนานในมินิคอนเสิร์ตของพัดชา AF 2 ,แหนม รณเดช,เบล สุพล,เฟย์ ฟาง แก้ว และร่วมลุ้นของรางวัลมากมายภายในงาน

ประวัติเมืองพัทยา Pattaya

ที่ท่องเที่ยวPattayaกับประวัติเมืองพัทยา มีประวัติเล่ากันต่อมาว่า พ.ศ. 2310 ก่อนที่จะเสียกรุงแก่พม่า 2 ถึง 3 เดือน พระยาตาก(สิน)ซึ่งขณะนั้น เป็นพระยากำแพงเพชรเห็นว่าถ้าในกรุงศรีอยุธยาต่อสู้กับพม่าและยังอ่อนแอ อย่างที่เป็นจะต้องเสียกรุงศรีอยุธยาเป็นแน่นอน จึงได้รวมสมัครพรรคพวกตั้งหลักใหม่โดยหาสมัครพรรคพวกได้ประมาณ 500 คนจึงยกออกจากค่ายวัดพิชัยมุ่งไปทางตะวันออกเฉียงใต้  ได้รบกับพม่าที่ยกพลติดตามไปถึง 4 ครั้งจนกระทั่งได้เดินทัพล่วงหน้าไปแขวงเมืองชลบุรี 
    พระยาตากไป พักทัพที่บริเวณหน้าวัดใหญ่อินทราราม(ปัจจุบัน) และจึงเคลื่อนทัพมุ่งไปยังจันทบุรี ระหว่างทางได้พักทัพที่บ้านหนองไผ่(ซึ่งอยู่ด้านหลังสถานีตำรวจภูธรเมือง พัทยา ริมถนนสุขุมวิทปัจจุบัน) ตำบลนาเกลือ แขวงเมืองบางละมุงพระราชพงศาวดารฉบับ พระราช หัตถเลขา เล่ม 2 กล่าวไว้ว่า “ขณะนี้นายกลมเป็นนายชุมนุม คุมไพร่พลอยู่ที่นั่น คอยสกัดจะต่อรอง และ พระยากำแพงเพชรขึ้นขี่ช้างพลาย ถือปืนนกสับรางแดงพร้อมด้วยพลทหารแห่แวดล้อมหน้าหลังตรง เข้า ไปในระหว่างพวกพลนายกลม ซึ่งมาสกัดอยู่นั้นด้วยเดชบารมีบันดาลให้นายกลมเกรงกลัว เดชานุภาพ วางอาวุธเสียสิ้น พวกพลทัพเข้าอ่อนน้อมเป็นข้า แล้วนำทัพไปหยุดประทับ ณ ที่มีหนองน้ำครั้นรุ่งขึ้นวันอังคาร แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ นายกลมจึงนำไพร่พลหมื่นหนึ่ง นำทัพไปถึงตำบลแห่งหนึ่ง หยุดพักแรมเสียคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นเดินทัพมาถึง จอมเทียนและทุ่งไก่เตี้ย สัตหีบ หยุดพักแรมแห่งละคืน ต่อมาตำบลแห่งนั้นชาวบ้านเรียกว่า “ ทัพพระยา “ และต่อมาเรียกใหม่เป็น “ พัทธยา “ มีทั้งตัว ท.ทหาร และตัว ธ.ธง เนื่องจากเห็นว่าตรงที่บริเวณพระยาตากมาตั้งทัพนั้นทำเลดี มีลมทะเล ชื่อลม พัทธยา คือลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในต้น ฤดูฝนจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “หมู่บ้านพัทธยา” ต่อมาปัจจุบันได้เขียนใหม่เป็น

***********************************************************************************

เหตุการณ์ที่สำคัญทำให้เมืองพัทยาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

     Pattaya อีกเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พัทยาเป็นที่ รู้จักไปทั่ว ในวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2502 เหตุการณ์เกิดขึ้นกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ของทหารอเมริกันประมาณ 4-5 คัน บรรทุกทหารเต็มคันรถคันละ 100 คน เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา ฐานทัพของทหารอเมริกันอยู่ เดินทางมุ่งสู่พัทยา และมาเช่าบ้านตากอากาศของพระยาสุนทร บริเวณตอนใต้ของหาดโดยผลัดกันมาพักผ่อนเป็นงวด งวดละสัปดาห์ จากพฤติกรรมของทหารอเมริกันเช่นนี้ จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นการท่องเที่ยวเมืองพัทยาตอนนี้เอง

     จากสภาพหมู่บ้านชายทะเลที่เงียบสงบ ก็พลันเปลี่ยนกลับกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศสำหรับทหารอเมริกันในช่วงแรกในเวลาต่อมาหมู่บ้านพัทยาก็ถูกพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ในระดับนานาชาติ เป็นที่รู้จักไปทั่วทุกมุมโลก อย่างเช่นปัจจุบัน


***********************************************************************************

ข้อมูลย่อย เมืองพัทยา Pattaya CITY

    Pattaya หรือ เมืองพัทยา เป็นเขตปกครองพิเศษเขตหนึ่งที่ตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ เมืองพัทยา ฉบับ วันที่ 29 พฤจิกายน พ.ศ. 2521 (เทียบเท่าเทศบาลนคร) ในเขตจังหวัดชลบุรี

     พัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับ โลก มีหาดทรายที่ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งทะเล จัดได้ว่ามีความสวยงามอีกแห่งของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 140 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกของอ่าวไทย ซึ่งพัทยาแบ่งเป็น 4 ส่วนได้แก่ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน


***********************************************************************************

ข้อมูลย่อย Pattaya หาดจอมเทียน

     หาดจอมเทียนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชายหาดความยาว 6 กิโลเมตร  หาดจอมเทียนถูกแบ่งจากส่วนอื่นๆในเมืองพัทยาด้วยเนินเขาด้านหลังของพัทยาใต้ เมื่อขับรถผ่านเนินเขาและผ่านพระพุทธรูปใหญ่ก็จะลงมาสู่หาดที่ค่อนข้างเงียบ ชายหาดนี้เป็นสถานที่ที่เป็นที่นิยมของกีฬาทางน้ำ เนื่องจากพื้นที่แถวนี้มีอากาศที่บริสุทธิ์ ซึ่งถูกพัดมาจากอ่าวไทย และทะเลที่หาดนี้ยังมีความ คับคั่งของเรือน้อยกว่าที่อ่าวพัทยานอกจากนี้หาดจอมเทียนยังเป็นที่สำหรับ พักผ่อนหย่อนใจโดยการอาบแดด
     หาดจอมเทียนมีแหล่งช็อปปิ้ง ร้านขายของ ร้านอาหาร บาร์เบียร์ โรงแรมที่มีหาดส่วนตัว บังกะโลคอมเพล็กซ์ คอนโดมิเนียมเป็นทางเลือกเพิ่มเติมนอกเหนือจากการพักผ่อนริมหาดทรายและชาย ทะเล

ข้อมูลย่อย Pattaya พัทยาใต้ Walking Street

     ถนนพัทยาใต้โค้งมากจากถนนเลียบชายหาด แหล่งชุมชนแถบนี้ถูกเรียกว่า  "วอล์คกิ้ง สตรีท (Walking Street)"  นักท่องเที่ยวสามารถ มาเยี่ยมชม เดินเล่นไปกับร้านค้าเล็กๆ มากมาย ซึ่งบริการ  ร้านขายเสื้อผ้า  ร้านขายเครื่องกีฬา  ร้านขายเครื่องประดับ  และร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารทะเล  ที่นี่ยังมีบาร์เบียร์มากกมาย ที่สำคัญร้านอาหารทะเล ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างยื่นลงไปในทะเลเพื่อเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหาร  

      พัทยาใต้นั้นเก่าแก่และดูวุ่นวายกว่าส่วนอื่นๆ ของเมืองพัทยา  ถนนอัฐจินดา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของเขตแดนเมืองพัทยาใต้ เดินไปตามซอยเล็ก ๆ มันจะนำทางคุณสู่ถนนพระตำหนักซึ่งเป็นด้านหลังของพัทยา   และนำไปสู่ ถนนพัทยาสายสอง

ข้อมูลย่อย Pattaya พัทยาเหนือ (นาเกลือ)

      ในอดีต พัทยาเหนือ (นาเกลือ)   เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมมาก่อนชาวบ้านแถบนี้เมื่อก่อนมีอาชีพหลัก  การทำนาเกลือ และ ประมง จึงมีกลิ่นอายของบ้านโบราณอยู่ในปัจจุบัน ที่นาเกลือ ยังคงจะได้เจอบ้านเรือนเก่าๆ ที่ทำด้วยไม้ ถนนสายแคบๆ เรือหาปลา  บรรดาบ้านเรือนที่สร้างอยู่เหนือแอ่งน้ำดูเหมือนกับภาพวาด เมื่อเดินไปตามถนนก็จะพบกับร้านขายของหัตถกรรมซึ่งเป็นหัตถกรรมของท้องถิ่น แต่เมื่อไปถึงวงเวียนปลาโลมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการ เริ่มต้นถนนเลียบชายหาดอาณาเขตพัทยาเหนือ  

     สิ่งแวดล้อมก็จะดูแตกต่างจากนาเกลือไปอย่างสิ้นเชิง  บรรดาโรงแรม บ้านพัก และร้านอาหาร ถูกสร้างขึ้นมากมายติดกับถนนเลียบชายหาด และที่นี่คุณยังสามารถเดินเล่น ใต้ร่มต้นปาล์มไปตามทางเดินเท้าเลียบชายหาด ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าถนนสองสายสองพัทยา

     ในส่วนของพัทยาเหนือนั้นมีสถานท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ทิฟฟานี่โชว์ อัลคาร์ซ่าคาบาเร่ต์ และ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้ออาหารทะเลสดๆและแปลกๆสามารถมาหาซื้อได้ ที่ตลาดนาเกลือ และ สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวตั้งอยู่ด้วย

ข้อมูลย่อย Pattaya พัทยากลาง

    พัทยากลางนั้นโรงแรมส่วนมากจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่จะได้พบกับบาร์เบียร์ ร้านขายเสื้อผ้า และจุดเริ่มต้นแหล่งท่องเที่ยวพัทยา บาร์เบียร์ บาร์อะโกโก้มากมาย บริเวณถนนเรียบชายหาดมีสำนักงานตำรวจพัทยาและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, รอยัลการ์เด้น พลาซ่า, ไมค์ เพลซ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าหลักก็ตั้งอยู่พัทยากลาง ในส่วนพัทยากลางมีเกสเฮาส์เล็กๆให้พักจำนวนมาก