โรงแรมโฮเทล มิวส์ กรุงเทพฯ ชูความอิสระที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่หลงใหลในชีวิตอิสระ

โฮเทล มิวส์ โรงแรมบูติกสุดหรูของกลุ่มฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น ดีเดย์แกรนด์โอเพนนิ่งไตรมาส 1 ปีหน้า ชูจุดเด่นคอนเซ็ปต์ แรงบันดาลใจศิลปะชั้นสูงในยุคทองของศิลปะและวัฒนธรรม สมัยร.5 พร้อมดึงแบรนด์ เอ็มแกลเลอรี่ คอลเล็คชั่น เชนแอคคอร์เข้าบริหาร โฟกัสลูกค้าช่วงแรกมาจากเอเชียเป็นหลัก
นายโบโด้ คลินเจ็นเบิร์ก ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโฮเทล มิวส์ กรุงเทพฯ (หลังสวน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า โฮเทล มิวส์ กรุงเทพฯ เตรียมจะเปิดตัวโรงแรมอย่างเป็นทางการ(แกรนด์ โอเพนนิ่ง)ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2555 หลังจากการเปิดตัวโรงแรมอย่างไม่เป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ โดยโรงแรมแห่งนี้เป็นการลงทุนของบริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริหารโดยใช้แบรนด์ MGallery Collection ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมบูติกระดับหรู ที่บริหารงานโดยเชนแอคคอร์

โดยจุดเด่นของโฮเทล มิวส์ คือเป็นโรงแรมแห่งแรกที่เน้นการออกแบบและตกแต่ง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะชั้นสูงในยุคพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (The Golden Age of Travel) ซึ่งเป็นยุคทองของการเดินทางของศิลปะและวัฒนธรรม ผสมผสานรูปแบบความทันสมัยอย่างสากลควบคู่ไปกับความหรูหราสง่างามท่ามกลางยุคทองครั้งใหม่ของเอเชีย รวมถึงการสร้างในคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใครให้มีชีวิตขึ้นมา กับรูปแบบและแนวคิดแบบคอสโมโพลิแทน บูติก (cosmopolitan boutique) ตั้งอยู่บนถนนหลังสวน ใจกลางย่านธุรกิจ โดยมีสโลแกน "Passionately Independent" หรือความอิสระที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่หลงใหลในชีวิตอิสระ

ทั้งนี้จำนวนห้องพักของโรงแรมจะมีทั้งหมด 174 ห้อง เน้นการออกแบบตกแต่งภายในที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ยุโรป คลาสสิก และลวดลายเฉพาะตัวในแบบเอเชีย ประกอบด้วยห้อง ดีลักซ์ 24 ห้อง ห้องแกรนด์ ดีลักซ์ คิงและห้องเตียงคู่ 85 ห้อง เรสิเดนซ์ 54 ห้อง และสวีต 11 ห้อง ทุกห้องประกอบด้วยบาร์ส่วนตัว พื้นที่แยกส่วนสำหรับทำงาน โทรทัศน์จอแบนแอลอีดีที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ทั้งมีอินเตอร์เน็ตระบบแลนและไว-ไฟ เครื่องทำกาแฟและชา และลำโพงสำหรับต่อไอพอด
นอกจากจุดขายของโรงแรมแล้ว การบริหารโดยใช้แบรนด์เอ็มแกลเลอรี่ คอลเล็คชั่น ก็ถือเป็นจุดขาย เพราะโรงแรมแต่ละแห่งจะถูกสร้างให้มีคุณสมบัติของตัวเอง โดยเจ้าของโรงแรมแต่ละแห่งก็จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เช่น สามารถเลือกเป็น History, Design, Location หรือ Vision ซึ่งโฮเทล มิวส์จะได้ทั้ง 4 ตัว คือเป็นโรงแรมที่มีวิสัยทัศน์ เจ้าของมองแล้วเห็นวิสัยทัศน์ว่าโรงแรมเป็นแบบไหน โดยทุกจุดเป็นดีไซน์ มีประวัติศาสตร์ โลเกชัน และการบริการ ซึ่งทุกแง่มุมของโรงแรมเป็นจุดเด่นได้ทั้งหมด

สำหรับแผนการตลาด หลังจากที่ซอฟต์โอเพนนิ่งแล้ว จะส่งเสริมเบื้องต้นในเรื่องของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบริการท่องเที่ยวออนไลน์หรือ Third Party Website เช่น Agoda.com เป็นต้น เพราะจะนำธุรกิจให้เข้ามาเร็วที่สุด ขณะที่กลุ่มคอร์ปอเรตจะต้องใช้เวลาในการสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงใช้เวลาในการเซ็นสัญญาด้วย ประกอบกับเมืองไทยยังพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มพักผ่อนหรือเลเชอร์อยู่แล้ว ทั้งนี้ การบริหารโดยเชนแอคคอร์ก็จะมีการทำตลาดไปทั่วโลกในการดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการ อย่างไรก็ดี ในช่วงเปิดโรงแรมใหม่จะมีราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ราว 5,500 บาท โดยแต่ละโรงแรมจะมีช่วงความต้องการของตลาดหรือ Need Period ไม่เท่ากัน ดังนั้น ก็จะมีการออกโปรโมชันต่างๆ ทั้งแอคคอร์เองก็มีการปรับราคาตามความต้องการหรือ Dynamic Rate

ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักของโรงแรม จะเป็นกลุ่มจากสิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย ยุโรป โดยช่วงแรกจะเป็นจากสิงคโปร์ ฮ่องกง และในภาคพื้นเอเชีย ดังนั้น ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งจึงจะมีลูกค้าจากยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา โดยในปีหน้าคาดว่าสัดส่วนของกลุ่มคอร์ปอเรตจะอยู่ที่ราว 60% และเลเชอร์ 40% ประกอบกับช่วงเปิดโรงแรมใหม่ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 38% ทั้งตั้งเป้ามีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปี 2555 ราว 60-65%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,664 25- 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554