พืชสวนโลก ราชพฤกษ์ โฉมใหม่ มีมากกว่า ต้นไม้ ดอกไม้

กลับมาประกาศความยิ่งใหญ่สู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง สำหรับงาน "มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554" จะเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ จนถึง 14 มีนาคม 2555 ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อ 5 ปีที่แล้วหลายคนคงได้สัมผัสบรรยากาศสวนนานาชาติที่เต็มไปด้วยพฤกษานานาพรรณจากนานาชาติ ที่ร่วมกันขนต้นไม้ทั้งจากเมืองร้อนเมืองหนาวมาประดับตกแต่งจนทำให้สวนราชพฤกษ์ สวยงามอลังการสมกับเป็นสวนของโลก

มาถึงปีนี้ความสวยงามของสวนไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด กลับยิ่งเพิ่มโดดเด่นมากกว่าเก่า เมื่อต้นไม้ที่ปลูกไว้ก่อนหน้าเริ่มเติบโตผลิดอกออกผล จนเกิดร่มเงาตามธรรมชาติ เสริมให้สวนดูชุ่มชื่นร่มรื่นมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการปรับแต่งภูมิทัศน์ใหม่ภายในทั้งหมด และยังเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ๆ อีกมากมาย แต่งเติมสีสันเปลี่ยนไปจากเดิมมากทีเดียว

แอบสืบมาได้ว่างานปีนี้ผู้จัดทุ่มงบฯกว่า 400 ล้านบาท เพื่อสรรค์สร้างความแปลกใหม่และสวยงามให้กับสวนสวรรค์ ต่อยอดจากเงินก้อนแรกที่ลงไปกว่า 1,500 ล้านบาท

มาไล่เรียงไฮไลต์ของแต่ละโซนทั้งเก่าทั้งใหม่ เริ่มจากเจ้าเครื่องจักรตัวใหญ่ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่กลางสวน "กระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า" (Giant Flora Wheel) กระเช้ายักษ์ตัวนี้จะช่วยให้ทุกคนได้ชมสวนราชพฤกษ์ในมุมสูงแบบ 360 องศา เบื้องล่างคือภาพที่พรมด้วยดอกไม้และต้นไม้นานาชนิดบนพื้นที่กว่า 470 ไร่

นอกจากจะได้ชมสวนในมุมสูง เท่ากับตึก 14 ชั้น ในหนึ่งกระเช้าสามารถรับน้ำหนักได้ 450 กิโลกรัม หรือประมาณ 4-6 คน โดยมีจานหมุนตรงแกนกลางกระเข้าจะหมุนเป็นวงกลม รับรองว่าถูกอกถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่

หากใครไม่กลัวความสูงก็ไปหาทางขึ้นได้ที่บริเวณ Green Tower หรือ ด้านหลังสวนนานาชาติประเทศเบลเยียม

ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มทุกวัน สำหรับค่าตั๋วนาทีละ 20 บาท รอบละ 6 นาที หรือคนละ 120 บาทนั่นเอง

มาถึงไฮไลต์สร้างจินตนาการ กับ "สวนแสงแห่งจินตนาการ" (Imagintion Light Garden) ครั้งแรกกับการเนรมิตดวงไฟนับล้านดวงกับผีเสื้อเรืองแสง ที่ออกมาเต้นระบำพร้อมกับเสียงดนตรีบรรเลงได้อย่างสวยงาม เรียกว่าโชว์ครบ ทั้งแสง สี เสียง และยังมีใบไม้เรืองแสงที่พลิ้วไหวตอบสนองในแบบอินเตอร์ แอ็กทีฟ ประหนึ่งเหมือนเดินอยู่ใน

ดินแดนจิตนาการเหนือจริง ที่เปิดให้ชมจนถึง 3 ทุ่มเลยทีเดียว

เมื่อจิตนาการบรรเจิดแล้วก็อย่าลืมพาเด็ก ๆ ไปชม "สวนเยาวชนรักษ์โลก" (Kids" Eco Park) เพื่อจะได้สัมผัสกับพื้นที่สวนผ่านการเรียนรู้แนวใหม่ ด้วยสื่อผสมผสานอย่างอินเตอร์แอ็กทีฟและมัลติมีเดีย ที่เน้นการปลูกจิตสำนึกในการลดโลกร้อนและการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับเยาวชน โดยใช้การ์ตูนแอนิเมชั่นบอกเล่าเรื่องราวผ่านน้องคูณและผองเพื่อน ซึ่งเป็นแมสคอตสัญลักษณ์นำโชคของงาน ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และความสัมพันธ์ของธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อมในรูปแบบที่สนุกสนานและเข้าใจง่าย

อลังการสวนนานาชาติ

ในครั้งนี้มีประเทศต่าง ๆ เข้ามาร่วมจัดสวนในงานถึง 27 สวน จาก 26 ประเทศ โดยมีญี่ปุ่นเข้ามาร่วมจัดแสดงถึง 2 สวนด้วยกัน

ไฮไลต์ที่โดดเด่นของสวนนานาชาติในครั้งนี้มีหลากหลาย แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ

เริ่มกันที่สวนภูฏาน นำเสนอกลิ่นอายเมืองบนเทือกเขาสูง โดยการนำดอก Blue Poppy ดอกไม้ประจำชาติของภูฏาน พร้อมสักการะพระศรีศากยมุนี ที่ผ่านพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเป็นตัวแทนทางจิตวิญญาณและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวภูฏานให้ความเคารพ โดยประดิษฐานอยู่ภายใน Bhutanese Altar ให้ประชาชนชาวไทยได้สักกระเป็นครั้งแรก

ด้านสวนอินเดีย ก็เปิดให้สักการะพระพิฆเนศ พระอุมาเทวี สัมผัสความร่มเย็นใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ ต้นสาละอินเดีย กุหลาบพันปี และอบอวลด้วยต้นหอมหมื่นลี้ รอทุกคนไปสัมผัส

สวนญี่ปุ่น มีการจำลองภูเขาไฟฟูจิ พร้อมกับดอกซากุระ และดอกเบญจมาศ สีเหลืองสด มาประดับสวน และอีก

สวนหนึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 3 จังหวัด คือ เกียวโต โอซากา และเฮียวโกะ

กับการจัดสวนสไตล์ญี่ปุ่นในแบบ Karasansui ที่ประกอบด้วย รั้วไม้ไผ่ สวนหิน และทางเดินที่ปูด้วยหิน รอให้ทุกคนไปย่ำ

ตื่นตากับน้ำตกไนแองการ่าจำลองภายในสวนแคนาดา ประดับประดาด้วยพันธุ์ไม้เมืองหนาว

เมืองกังหันลมปีนี้ไม่ได้มาคู่กับทิวลิป มาในปีนี้เนเธอร์แลนด์นำดอกลิลลี่สีส้มสดมาเป็นไฮไลต์ดึงดูดผู้เข้าชมงานแทนทิวลิป

ทางด้านสวนขององค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยก็ไม่ด้อยกว่านานาชาติ

กรมทรัพยากรน้ำบาดาล พาไปสัมผัสโลกใต้ดิน "ตะลุยอุโมงค์น้ำบาดาล" ที่ขุดในพื้นที่จริง โดยใช้เวลากว่า 3 เดือนในการขุดและเตรียมงาน พร้อมกิจกรรม "น้ำบาดาลแรลลี่" ที่ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสและเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ส่วนจะตื่นเต้นและลงไปลึกขนาดไหนต้องพิสูจน์กันเอาเอง

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ร่วมเล่น ช็อป ชิม รอให้ทุกคนไปสัมผัสความงามของสวนกลางสายลมหนาว นั่งพับเพียบถ่ายภาพที่หอคำหลวง ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

อีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาด คือ อาคารโลกแมลง ที่มีทั้งส่วนแมลงมีชีวิตและแมลงไม่มีชีวิต เติมสีสันด้วยผีเสื้อนานาพรรณ

ถ้าโชคดีจะมีโอกาสได้พบกับผีเสื้อที่กำลังออกจากดักแด้ เช่น ผีเสื้อกระท้อนพันธุ์ใหญ่ที่สุด กำลังฝักตัวออกจากดักแด้

อย่าลืมไปจับผิดตั๊กแตนกิ่งไม้ เหมือนกับกิ่งไม้จริง ๆ จนแทบแยกไม่ออก

ก่อนจะกลับอย่าลืมแวะสักการะพระพุทธรูปที่หลอมจากใบโพธิ์ที่พสกนิกรถวายคำอวยพรต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังประดิษฐานอยู่ที่นั่นด้วย

นี่เป็นแค่ไฮไลต์สำคัญ ๆ ในงานครั้งนี้เท่านั้น ยังมีอีกหลายสิ่งที่น่าสนใจ..รอให้ทุกคนไปพิสูจน์ในงานพืชสวนโลกปีนี้

บทความ : ศิราณี วงษ์โซ